ฤาษีทัศนาจร เล่มที่ ๑

110 เห็นว่าลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เป็นปกติของโลก เกาะไปก็ไม่มีประโยชน์ นี่ความจริงการไปวัด พระบาทตากผ้าและไปวัดทุกวัดนี่ มันมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งก็มีสภาพเหมือนกันคือเป็นโรคหวัด ไป วัดไหนก็บอกว่าเป็นหวัด พอบอกว่าเป็นหวัด บรรดาท่านพุทธบริษัทที่ร่วมไปด้วยก็ฮากันตึง บางทีท่านเจ้าของหวัดอาจจะไม่ทราบว่าเขาฮาทาไม ที่หัวเราะกันยกใหญ่ก็เพราะว่าเป็นธรรมดา ที่ไหนๆ กันทั้งนั้น เห็นแต่ว่าทุกท่านที่ไปถามว่าไอ้โรคหวัดนี่มันกินนี่มันกินกายหรือมันกินใจ ท่านก็บอกว่าหวัดมันกินแต่กาย ไม่ได้กินใจ ไปที่วัดน ้าบ่อหลวงก็เหมือนกัน ท่านบอกว่า ๔-๕ วันมานี่โรคหวัด มันกิน เป็นโรคหวัด ก็เลยถามว่าโรคหวัดนี่มันกินถึงกายหรือถึงใจครับ ท่าน ก็บอกว่ามันกินกาย ไม่ได้กินใจ เลยคุยกันมาคุยกันไปก็เลยถึงได้ถามท่าน ถามท่านนี่ความจริง นักปราชญ์เขาไม่ถามกัน เมื่อคนฉลาดเขาไม่ถามกันจะถามแต่คนโง่เท่านั้น และก็ต้องจาเป็นที่ จะต้องเอาโง่เข้าไปถาม เพราะว่าเป็นวัดสุดท้ายแล้วนี่ ไม่มีนักรบจะสู้อีกแล้ว พอถึงเวลาจะกลับ วันนั้นเป็นวันเดินทางกลับ เมื่อเราไปพบนักรบที่พอจะรบกันได้วันนี้ก็ต้องรบกันประเภทชน ข้างหรือว่าประจัญบานกันเลยเป็นรายสุดท้าย ไอ้ที่รบนี่ไม่ใช่จะรบเอาแพ้ เอาชนะอะไรกัน จะ รบให้บรรดาบริษัทที่ไปรู้ลีลาว่าท่านที่เราไปรบน่ะ ไม่ใช่นักรบป้อแป้ เป็นนักรบที่มีความแก่ กล้า เป็นนักรบที่หาความแพ้ไม่ได้ มีแต่การชนะ ไม่ใช่ไปเอาท่านชนะเรา เราต้องการเห็นท่าน ชนะเรา ไม่ใช่เราจะเป็นผู้ชนะ เราต้องการให้ชาวบ้านหรือคนที่พูดให้ฟังว่าเป็นพระที่เข้าถึง วิชชาแล้ว เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน รู้เรื่องไม้ล่ะ หนูน้อยๆ พอฟังตรงนี้จะไม่รู้เรื่องนะ หลวงตาพูดมัน สูงไป หลวงตาลิงพูดสูงไปหน่อย มันก็จาใจจาเป็นจะต้องพูด หนูเอ๋ย จะพูดให้มันเบาไปกว่านี้ ไม่ได้หรอก เพราะว่า คนที่เขาอยากไปนรกมันมีมาก ถ้าไปพูดเบาไปกว่านี้ บ้างเขาจะหาว่าเป็น อย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ดีไม่ดีเขาจะไปนรก สงสารเขา ลูกหลานทั้งหลายก็ทราบไม่ใช่รึ ว่าหลวงตา ลิงนี่แกเป็นคนซน เดี๋ยวก็ไปนรกบ้างเดี๋ยวก็ไปสวรรค์บ้าง เดี๋ยวก็ไปพรหมโลกบ้าง ดีไม่ดีก็เตลิด เปิดเปิงไปที่เขายังไม่มีก็ยังได้ ไปอย่างลิง วิชานี้อย่าเรียนเลยนะ วิชาลิงนี่อย่าเรียนเลย ค่อยๆ ไป ค่อยๆ ทาไป ตามที่องค์สมเด็จผู้มีพระภาคเจ้าท่านสอน ประเดี๋ยวฉันพูดทีหลัง ว่าที่ท่านเป็น นักรบเก่งน่ะ เขาเก่งกันยังไง

RkJQdWJsaXNoZXIy NzAxNDYz